ต้องบอกว่าโลกในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามให้ทันเช่นกัน สำหรับ Morning Shake Ep. นี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ เทรนด์อนาคตอย่าง Digital Nomad
Digital Nomad คือ คนที่ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก และสามารถทำงานและใช้ชีวิตที่ไหนก็ได้ โดย Digital Nomad ไม่ได้หมายถึงเฉพาะคนที่เป็นฟรีแลนซ์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงเหล่าพนักงานประจำ ที่เข้าข่ายลักษณะการทำงานแบบที่กล่าวไปด้วย
ถ้าพูดถึงอาชีพของ Digital Nomad ที่เห็นได้บ่อย จะมีตั้งแต่ บล็อกเกอร์, นักเขียน, กราฟิกดีไซเนอร์, ซอฟต์แวร์ ดีเวลลอปเปอร์, ดิจิทัล มาร์เก็ตติง, ผู้ให้คำปรึกษา และธุรกิจส่วนตัว
แล้วทำไม Digital Nomad ถึงเริ่มกลายมาเป็นเทรนด์ ?
ต้องบอกว่าจากวิกฤติโรคระบาดนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้เทรนด์ Digital Nomad เติบโตได้มากขึ้น เนื่องจากมีการล็อกดาวน์และบังคับให้เกิดการทำงานแบบ Remote Work หรือ Work From Home การทำงานนอกสถานที่จึงเกิดขึ้นแบบบังคับ ทำให้คนทำงานเริ่มรู้สึกว่าการทำงานแบบนี้เวิร์คในบางสายงาน เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานได้มากขึ้น และบางบริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ในออฟฟิศได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงบริษัทยังสามารถจ้างงานที่เหมาะสม ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน แต่ประสิทธิภาพการทำงานเท่าเดิม
Digital Nomad เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้สถิติกว่า 76% ของพนักงานออฟฟิศไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ และถึงขั้นอยากที่จะลาออกหากบริษัทบังคับให้กลับไปทำงานที่บริษัทอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้น เทรนด์ Digital Nomad ยังส่งผลดีให้กับธุรกิจอย่างโรงแรม, บ้านพัก หรือ Co-working Space ก็ได้ประโยชน์จากตรงนี้เช่นกัน โดยเฉพาะประเทศที่เน้นการท่องเที่ยว
แล้วส่งผลกระทบอะไรกับประเทศไทย ?
ในหมู่คนทำงานยุคดิจิทัลแบบไร้ออฟฟิศ หรือ Digital Nomad ต่างยกให้ “ไทย” เป็นจุดหมายยอดนิยมที่อยากจองตั๋วเครื่องบินแล้วพุ่งเข้าหามากที่สุด เนื่องจากค่าครองชีพที่เป็นมิตร เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน อีกทั้งความพร้อมด้านอินเทอร์เน็ต, สถานที่ท่องเที่ยว และอาหารที่อร่อย ทำให้ประเทศไทย กลายเป็นจุดหมาย ของ Digital Nomad หลาย ๆ คน เพราะปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหล่า Nomadic ตัดสินใจเก็บกระเป๋า สลัดคราบพนักงานเงินเดือนประจำออกมาได้ จุดหมายนั้นต้อง “เป็นมิตรต่อการใช้จ่าย” สำหรับการย้ายถิ่นฐานมาใช้ชีวิตระยะยาว ต้องมีความคุ้มค่าเงินเป็นอันดับต้น ทั้งอาหารการกิน และที่พักคุณภาพในราคาประหยัด อัตราค่าครองชีพที่ต่ำกว่าฝั่งยุโรป เป็นการตอบโจทย์ตลาดนี้ได้ทุกประการ ตลอดจนปัจจัยสำคัญอย่าง “ความสนุกสนาน” ที่เหล่าคนทำงานต่างถิ่นใฝ่ฝัน เพื่อจะช่วยผ่อนคลายหลังการทำงานตึงเครียด ไทยเราก็มีพร้อมในทุกย่านชุมชน ด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ต่างกันไปตามแต่ละแห่ง รวมถึง “ความปลอดภัย” ที่แม้จะยังต่ำกว่าคะแนนด้านอื่น ๆ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ชาว Digital Nomad รับได้
โอกาสธุรกิจใหม่กับตลาด Digital Nomad
ต้องบอกว่าการเตรียมธุรกิจบริการที่ “เข้าถึง” กลุ่มนี้ นับเป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่ ๆ ด้วยจุดเด่นเรื่องระยะเวลาเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่ากลุ่มท่องเที่ยวทั่วไปได้มากกว่าเท่าตัว และไม่ต้องเผชิญความผันผวนเปราะบางเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป
โดยชาว Digital Nomad ส่วนใหญ่กว่า 75% เป็นนายจ้างตัวเองหรือเจ้าของกิจการขนาดเล็ก และมาริเริ่มธุรกิจด้วยเงินทุนไม่มากจากประเทศของตัวเองก่อน ซึ่งอาจจะมีรายรับต่อปีอยู่ที่ไม่เกิน 25,000 ดอลลาร์ (ราว 8.05 แสนบาท) แต่อย่างไรก็ตาม แม้คนที่มีรายได้ระดับสูง เมื่อต้องการย้ายถิ่นฐานก็ยังพึงพอใจเลือกประเทศที่ใช้จ่ายคุ้มค่ามากกว่าอยู่ดี ซึ่งคนกลุ่ม Digital Nomad นั้นส่วนมากจะเป็นคนวัยสามสิบปี ที่มีสัดส่วนถึง 42% โดยมากจะเป็นคนที่ลาออกจากงานประจำที่เริ่มไม่สนุก และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพด้านการเงินและที่ปรึกษา เพื่อออกมาผจญภัยเติมเต็มให้กับชีวิตในด้านอื่น ๆ
ธุรกิจอะไรที่จะเจาะตลาด Digital Nomad ?
ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องการเป็นจุดหมายยอดนิยมอยู่แล้ว หากคุณเป็นเจ้าของที่พักและต้องการเจาะตลาดนี้ เพียงแค่เสริมสิ่งที่พวกเขาต้องการ ได้แก่ ไวไฟที่ความเร็วสูงและมีเสถียรภาพรองรับแบบ 24 ชั่วโมง รวมถึงบรรยากาศในการทำงานปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ที่ให้ทั้งความเป็นส่วนตัว แต่ไม่ทำให้เขารู้สึกถูกแปลกแยก หรือได้รับสายตาแปลก ๆ จากนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เมื่อต้องคร่ำเคร่งอยู่กับหน้าจอระหว่างปรับโหมดเข้าสู่การทำงานจริงจัง ซึ่งหากเป็นไปได้ควรมีห้องพักแบบเดี่ยวไว้เป็นทางเลือกเพื่อความเป็นส่วนตัว จัดทำราคาสำหรับการพักระยะยาวรายสัปดาห์ หรือรายเดือนเป็นทางเลือกด้วย และยิ่งหากมีทำเลตั้งอยู่ท่ามกลางร้านกาแฟที่เหมาะกับการทำงาน หรือมี Coworking Space รายล้อมแล้วก็จะยิ่งได้เปรียบ โดยอาจทำโปรโมชั่นให้ลูกค้าร่วมกันก็จะยิ่งได้ประโยชน์กับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
รวมถึงชาว Digital Nomad แม้จะเดินทางมาทำงาน แต่ก็ต้องการสังคมและการสังสรรค์ อาจมีการจัดสรรโปรแกรมนำเที่ยวชุมชน หรือปาร์ตี้ในความถี่ที่เหมาะสม เพราะจากผลสำรวจมีหลายรายระบุว่า การได้ปาร์ตี้สนุกสนานแบบนี้เป็นข้อดีที่แถมมาคือ อาจได้รู้จักเครือข่ายคนทำงานในสาขาต่าง ๆ มาช่วยเสริมกันได้โดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดก็จะทำให้เลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสมได้ เช่น โฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใน Social Media หรือทำการตลาดกับผู้มีอิทธิพลทางความคิดในกลุ่ม Digital Nomad ได้ถูกคนอีกด้วย
โดยปัจจุบันนี้ประเทศไทยยังถือว่าขยับตัวรับเทรนด์นี้ช้า จึงเป็นโอกาสที่ยังเปิดกว้างอีกมาก ต่างจากฝั่งตะวันตกที่เริ่มมีเครือข่ายที่พักที่รองรับกลุ่มเฉพาะนี้แล้ว อาทิ Roam ที่ประกาศตัวเป็น Coliving และ Coworking ที่มีสาขาคลุมเมืองใหญ่ ๆ อย่าง ลอนดอน โตเกียว หรือ WeLive ซึ่งสมาชิกเลือกพักได้ทั้งที่ นิวยอร์ก และ วอชิงตัน และเป็นกลุ่มเดียวกับ WeWork เครือข่ายให้บริการสถานที่ทำงานร่วมกันขนาดใหญ่ ที่ขยายสาขาครอบคลุมเมืองหลักทั้งในสหรัฐและภูมิภาคต่าง ๆ
เห็นโอกาสแบบนี้แล้วลองพิจารณา Digital Nomad เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจกันนะคะ
…
ARM ACADEMY
Infinite growth and opportunities
สถาบันแห่งการเติบโตและต่อยอดธุรกิจ…ที่ไม่สิ้นสุด
☎ 02-071-9040
☎ 02-071-9041
💻 https://armacademy.co
IG: https://instagram.com/armacademy.co?igshid=1u25hwab0t52l
Line: https://lin.ee/1JO7vX4
#MorningShake #ARMacademy #EvolutionaryLeader #DigitalNomad #Technology #freelance #Workfromhome